มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
Science Experiences Management for Early Childhood
ผู้สอน อาจารย์จินตนา สุขสำราญ
วัน เวลา วันอังคาร ที่ 2 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2557 ภาคเรียนที่ 1/2557 กลุ่ม 102
เวลา 14:10 - 17:30 น. ห้อง 432
ในการเรียนการสอบครั้งนี้ดิฉันไม่ได้เข้าเรียน เนื่องจากป่วย จึงขอหยุด 1วัน
และได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกเวลาเรียนดังนี้
เรื่อง การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กอายุ 3 – 6 ขวบ
มิได้หมายถึงสาระทางชีววิทยา
เคมี
กลศาสตร์
แต่เนื้อหาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยคือ
สาระเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กที่เด็กควรรู้
การเรียนการสอนมุ่งเพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจมากกว่าที่จะจำเป็นองค์ความรู้
การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยแตกต่างจากเด็กวัยอื่นที่เด็กปฐมวัยมีการเจริญของสมองที่รวดเร็วและต้องการการกระตุ้นเพื่อการงอกงามของใยสมองในช่วงปฐมวัย
แต่ขณะเดียวกันพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก
อายุ
2 – 6 ขวบ ยังเป็นช่วงก่อนปฏิบัติการ (pre – operative
stage) เด็กเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง (self - centered) และมองสิ่งรอบตัวโดยเน้นที่ตัวของเด็กเอง
เด็กจะรับรู้และคิดถ่ายโยงเป็นทิศทางเดียวไม่ซับซ้อน
เช่น
รู้สี
รู้รูปร่าง
โดยรู้ทีละอย่าง
จะเรียนรู้สองอย่างพร้อมกันไม่ได้
หรือเอามาผนวกกันไม่ได้
ซึ่งการเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนเพื่อฝึกเด็กให้บูรณาการข้อความรู้ต่าง
ๆ เข้าด้วยกันโดยให้เด็กรู้จักสังเกต ค้นหา
ให้เหตุผล
หรือทดลองด้วยตนเอง
ด้วยเหตุนี้การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยจึงต้องเริ่มจากทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ได้แก่
การสังเกต
การค้นคว้าหาคำตอบ
การให้เหตุผล
ตามด้วยการเรียนทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
และความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กโดยใช้ประสบการณ์จริงและการทดลองปฏิบัติ
เช่น
การเรียนรู้การเจริญเติบโตของพืชด้วยการทดลองปลูกพืช
สังเกตความสูงของพืช
และการงอกงามของพืช
เป็นต้น
ประโยชน์จากการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
พัฒนาการทางปัญญาเป็นความสามารถทางสมองในการรวบรวมประสบการณ์และความรู้มาเป็นพื้นฐานของการคิดเหตุผล
ช่วยให้เกิดความรู้
ความเข้าใจ
สามารถแก้ปัญหาได้
และสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสามารถเหล่านี้สามารถพัฒนาให้เกิดขึ้นกับเด็กปฐมวัยด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทางปัญญา
การพัฒนาทางสติปัญญา
ไม่ใช่การเพิ่มระดับไอคิว
แต่การพัฒนาทางสติปัญญาเน้นการเพิ่มพัฒนาการทางสติปัญญาใน
2 ประการ คือ
1. ศักยภาพทางปัญญา คือ การสังเกต การคิด
การแก้ปัญหา
การปรับตัว
และการใช้ภาษา
2. พุทธิปัญญา คือ ความรู้ความเข้าใจที่ใช้เป็นพื้นฐานของการขยายความรู้
การคิดวิเคราะห์
สังเคราะห์
และประเมินเพื่อการพัฒนาการรู้การเข้าใจที่สูงขึ้น
การเรียนวิทยาศาสตร์
เป็นการพัฒนาศักยภาพทางปัญญา
และพุทธิปัญญา
จากการทำกิจกรรมการเรียนวิทยาศาสตร์
สิ่งที่เด็กได้จากกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพมีอย่างน้อย
4 ประการ คือ
1. ความสามารถในการสังเกต การจำแนก การแจกแจง
การดู
ความเหมือน
ความต่าง ความสัมพันธ์
2. ความสามารถในการคิด การคิดเป็นการจัดระบบความสัมพันธ์ของข้อมูลภาพ
และสิ่งที่พบเห็นเข้าด้วยกัน
เพื่อแปลตามข้อมูลหรือเชื่อมโยงข้ออ้างอิงที่พบไปสู่การประยุกต์ใช้ที่เหมาะสม
การคิดเป็นคือการคิดอย่างมีเหตุผล
โดยคำนึงถึงหลักวิชาการและบริบท
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ซึ่งมักจะเกิดขึ้นระหว่างการจัดกิจกรรม
เด็กจะได้เรียนรู้จากการค้นคว้าในการเรียนนั้น
ๆ
4. การสรุปข้อความรู้ หรือมโนทัศน์จากการสังเกต และการทดลองจริงสำหรับเป็นพื้นฐานความรู้ของการเรียนรู้ต่อเนื่อง
ตัวอย่างแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
เรื่อง การปรุงอาหาร
สำหรับ
เด็กอายุ
5 – 6 ขวบ
มโนทัศน์การเรียนรู้ การปรุงอาหารเกิดจากการผสมส่วนประกอบของอาหารต่าง
ๆ เข้าด้วยกันอย่างถูกต้องตามชื่ออาหารนั้นให้ได้รสที่ต้องการ
ผลลัพธ์การเรียนรู้ ปรุงอาหารเป็น
รู้จักรสอาหาร เช่น เค็ม เปรี้ยว หวาน สนุกกับการทำงานร่วมกับเพื่อน
สิ่งที่เด็กต้องปฏิบัติ
ช่วยกันวางแผนปรุงอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งที่กลุ่มเลือก
และช่วยกันปรุงอาหารนั้น
อุปกรณ์ที่เตรียม เครื่องปรุง
จาน ชาม ช้อนสำหรับใส่อาหารเครื่องครัวเท่าที่ต้องการ
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ครูทักทายเด็ก และสนทนาเรื่องอาหารการกิน
ครูบอกกิจกรรมและจุดประสงค์ของกิจกรรม
ขั้นดำเนินการ
1.
ครูให้เด็กช่วยกันเลือกอาหารที่ตนเองชอบและต้องการปรุง
(ครูอาจมีตัวเลือก
2 – 3 อย่าง ที่เป็นอาหารกลุ่มเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการเตรียมเครื่องปรุง
เช่น
ส้มตำ สลัดผัก แซนวิช เป็นต้น)
2. ให้เด็กแต่ละกลุ่มแบ่งหน้าที่กันทำ
3. เสร็จแล้วให้วางแผนร่วมมือกันพร้อมปรุงอาหารที่เลือก
4. แบ่งปันกลุ่มอื่นรับประทานอาหารร่วมกัน
ข้อสรุปบทเรียน
1. อภิปรายกลุ่มใหญ่เรื่องปัญหาการปรุงอาหารและการช่วยเหลือกัน
2. สรุปผลการปรุงอาหารว่าใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ใด
3. อาหารที่ปรุงมีรสอะไรบ้าง
การประเมินภาพการเรียนรู้
สังเกตการตอบคำถามเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างกิจกรรมอาหาร
เป็นกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่เด็กชอบมากเนื่องจากคุ้นเคยอยู่กับบ้านเป็นกิจวัตรที่เด็กทุกคนสนใจและต้องการทำ
ในการจัดกิจกรรมอาหารนี้
ควรใช้กลุ่มเล็ก
เพื่อความปลอดภัย
และสามารถสนทนาในรายละเอียดเวลารับประทานร่วมกัน
เด็กจะเกิดมโนทัศน์
เรื่องอาหาร
เช่น
ประโยชน์ของอาหารต่อร่างกาย
และเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม
นอกจากนี้การรับประทานอาหารด้วยกันยังเป็นการฝึกให้เด็กช่วยตนเองในการรับประทานอาหาร
เช่น
ตักอาหาร
และทำอาหารง่าย
ๆ
สรุป
กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
เป็นการเรียนรู้ที่มีจุดมุ่งหมาย
2 ประการ คือ การฝึกทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้ข้อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นธรรมชาติรอบตัวที่เด็กพบในชีวิตประจำวัน
โดยเน้นการใช้ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
คือ 1)
การสังเกต
2) การจำแนกเปรียบเทียบ 3) การวัด
4) การสื่อสาร 5) การทดลอง และ
6) การสรุปและนำไปใช้ สิ่งที่ได้จากการเรียนวิทยาศาสตร์คือ
การสร้างให้เด็กมีนิสัยการค้นคว้า
การสืบค้น
และการทำความเข้าใจธรรมชาติรอบตัว
รู้จักวิธีการค้นหาความรู้อย่างนักวิทยาศาสตร์
โดยการพัฒนาทักษะพื้นฐานวิทยาศาสตร์
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ในขณะเดียวกันเรียนรู้วิทยาศาสตร์รอบตัวไปด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้บันทึก
นางสาวสุภาวดี พรมภักดิ์